เบราว์เซอร์ของคุณเก่าเกินไป
เพื่อให้ได้รับประสบการณ์ที่ดีขึ้นกับการออกแบบบ้านของเราโปรดดาวน์โหลดเบราเซอร์ฟรีอื่น ๆ เพียงคลิกที่ไอคอน!
คุณเชื่อหรือไม่ว่าเราสามารถสร้างบ้านให้เสร็จได้ภายในเวลาน้อยกว่า 2 เดือน
วันนี้เราจึงจะนำบ้านที่สร้างแบบ PREFAB หรือที่ย่อมาจาก Prefabricated Houses ซึ่งเป็นบ้านที่สร้างสำเร็จก่อนนำมาประกอบที่หน้างานจริง มาแนะนำให้รู้จักกัน โดยโปรเจ็กต์ “Casa 2020” เป็นผลงานของบริษัทรับสร้างบ้านชื่อ Mapout ซึ่งทางสตูดิโอสถาปนิกแห่งนี้กำลังมองการณ์ไกลไปถึงการเป็นส่วนหนึ่งของงานประชุมสถาปนิกที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของโลกอย่าง World Congress of Architects UIA 2020 ที่จะจัดขึ้นที่กรุงริโอเดอจาเนโร ประเทศบราซิล ในปี 2020 โดยมุ่งหวังที่จะยกระดับบทบาทของสถาปัตยกรรมในเขตเมือง ควบคู่ไปกับการรักษ์โลกและการพัฒนาอย่างยั่งยืนนั่นเอง
ด้วยเหตุนี้ การสร้างบ้านหลังนี้จึงมีความจำเป็นที่จะต้องสร้างบนหลักการที่สอดคล้องไปกับการลดผลกระทบที่จะเกิดขึ้นกับสิ่งแวดล้อมให้ได้มากที่สุด ไม่ว่าจะเป็น การจัดการให้เกิดการใช้พลังงานอย่างมีประสิทธิภาพ การใช้วัสดุคุณภาพสูง และการลดเวลาในการผลิต โดยโปรเจ็กต์นี้นับเป็นการนำระบบการก่อสร้างที่พวกเขามุ่งพัฒนา มาเซ็ตอัพและทดสอบจริงเป็นครั้งแรก ซึ่งหากคุณกำลังสงสัยถึงประสิทธิภาพของบ้านประเภทนี้ ก็จะได้เห็นว่าบ้านสร้างสำเร็จนั้นมีข้อดีหลายอย่าง นอกจากจะสร้างได้หลากหลายตามความต้องการของผู้อยู่อาศัยแล้ว ยังรวมไปถึงความหลากหลายในการเลือกใช้วัสดุ ทั้งเหล็ก ไม้ พลาสติก หรือแม้กระทั่งจะเปลี่ยนตู้คอนเทนเนอร์ให้เป็นบ้านก็ทำได้อีกด้วย
ลองตามมาดูไอเดียบุคนี้กัน แล้วเราจะเห็นว่าบ้านหลังนี้จะช่วยขับเคลื่อนอนาคตของการก่อสร้างไปได้อย่างไรบ้าง
ข้อมูลเพิ่มเติม : หลังจากที่ homify EN ได้ติดต่อบริษัทผู้ดูแลโครงการนี้ ซึ่งก็คือ Mapout เกี่ยวกับงบประมาณในการสร้างบ้านประเภทนี้ พบว่ามีหลายปัจจัยที่มีผลต่อราคาเบ็ดเสร็จในการก่อสร้างบ้านหนึ่งหลัง ไม่ว่าจะเป็น การขนส่ง การวางรากฐาน และการตกแต่งภายใน โดยมูลค่าเริ่มต้นต่อการสร้างบ้านสำเร็จรูปในรูปแบบนี้อยู่ที่ราว 1,200-1,500 ปอนด์ หรือประมาณ 60,000-75,000 บาทต่อตารางเมตร สำหรับผู้ที่สนใจในโปรเจ็กต์นี้ สามารถสอบถามทาง Mapout เพิ่มเติมได้ที่ madrid@mapout.pro
บ้านสองชั้นที่ออกแบบโดย Mapout หลังนี้ มีพื้นที่ทั้งหมด 65 ตารางเมตร ชั้นล่างประกอบด้วยห้องนอน ห้องที่เป็นทั้งห้องนั่งเล่น ห้องทานข้าว ห้องครัว และห้องน้ำ ส่วนชั้นสองเป็นทั้งห้องนอนและห้องนั่งเล่นอีกห้อง ซึ่งมีหน้าต่างเปิดกว้างเห็นวิวท้องฟ้าได้อย่างชัดเจน
ทั้งนี้หน้าต่างและประตูบานใหญ่ของชั้นล่าง เป็นองค์ประกอบสำคัญที่จะเปิดให้แสงส่องสว่างเข้าตัวบ้านอย่างเพียงพอ นับเป็นการจัดการเกี่ยวกับแสงที่ยั่งยืน และทำให้จุดนี้น่าสนใจที่สุดจุดหนึ่งของบ้านอีกด้วย
การตกแต่งภายในบ้านแบบประกอบสำเร็จหลังนี้จะเป็นกลุ่มโทนสีขรึมๆ ที่ให้ความรู้สึกสงบ ร่มรื่น โดยแต่งแต้มผนังและเพดานไม้ธรรมชาติด้วยสีขาวของผนังบางส่วนและชุดโซฟาสีเทาเข้ม เป็นภาพการตกแต่งภายในที่ดูเรียบง่าย ไม่ฉูดฉาดจนไปทำลายภาพที่สอดประสานกันของตัวบ้านกับธรรมชาติภายนอก ทั้งนี้ภายในบ้านยังเชื่อมโยงกับสภาพแวดล้อมด้านนอกผ่านหน้าต่างขนาดใหญ่ที่อยู่ด้านหน้าบ้าน ซึ่งการสอดรับกันได้อย่างลงตัวของพื้นที่ภายในและภายนอกบ้านนี้ถือเป็นเทรนด์สำคัญของการออกแบบสถาปัตยกรรมสไตล์โมเดิร์นนั่นเอง
ห้องนั่งเล่นที่เห็นอยู่บนชั้นสองนี้ สามารถเปลี่ยนเป็นห้องนอนและสตูดิโอได้อีกด้วย เป็นการจัดสรรพื้นที่ใช้สอยในบ้านที่คุ้มค่าทีเดียวใช่ไหมล่ะ
นอกจากตัวบ้านแล้ว สวนรอบบ้านยังนับเป็นส่วนสำคัญของโปรเจ็กต์นี้ โดยแบ่งออกเป็น 4 ด้าน ซึ่งผู้เชี่ยวชาญได้เลือกปรับผิวหน้าดินให้เหมาะทั้งการปลูกพืชและการใช้ประโยชน์อื่น ๆ ในภายหลัง ทั้งนี้ด้านหน้าบ้านจะเปิดกว้าง และมีชานบ้านไม้ปูลาดลงสู่สนามหญ้าและสวน ก่อให้เกิดความเชื่อมโยงระหว่างภายในตัวบ้านและอาณาบริเวณด้านนอก
การเลือกใช้แปลนบ้านที่ปรับเปลี่ยนห้องต่างๆ ได้ ถือเป็นทางออกที่ดีที่สุดสำหรับการสร้างบ้านในพื้นที่จำกัด สำหรับชั้นล่างนี้ ได้รับการออกแบบให้เป็นทั้งห้องนั่งเล่นที่มีมุมอ่านหนังสือและมุมเล่นดนตรี ไปพร้อมๆ กับการมีห้องครัวและโต๊ะทานข้าวตั้งอยู่ในบริเวณเดียวกัน
ทั้งนี้ผู้ก่อสร้างได้จัดสรรพื้นที่ให้เกิดการห้องที่สวยงาม สะดวกสบาย และมีประสิทธิภาพในการใช้สอย ขณะเดียวกันก็ยังเปิดโล่งให้สามารถมองออกไปเห็นทิวทัศน์ด้านนอกได้ เห็นได้ถึงความเป็นมินิมอลที่ปรากฏอยู่ในบ้านหลังนี้
บ้านหลังนี้ยังโดดเด่นด้านการใช้วัสดุที่เป็นไม้ธรรมชาติเข้ากับเท็กซ์เจอร์ของผนังปูนสีขาวล้วนได้อย่างลงตัว ส่วนในเรื่องของการตกแต่ง แม้ภายในห้องนอนที่มีห้องน้ำเชื่อมต่ออยู่ด้านข้างนี้ จะมีเพียงเตียง โต๊ะข้างเตียง และชุดเก้าอี้เป็นเฟอร์นิเจอร์ตกแต่งห้อง หากแต่เก้าอี้ที่มีสีเขียวและม่วงตัวนี้นั้น กลับสามารถสร้างสีสันให้ห้อง จุดประกายความสดใสให้กับบริเวณนี้ได้เป็นอย่างดี โดยที่ขณะเดียวกัน สีเขียวของเก้าอี้ยังสามารถเชื่อมโยงกับสีสันของสิ่งที่อยู่นอกหน้าต่างบานใหญ่ เกิดเป็นจุดขายสำคัญให้กับบ้านหลังนี้ได้อีกด้วย
